6 มิ.ย. 2023 2 min read

Apple Vision Pro แว่นตา AR เปลี่ยนโลกของ Apple

Apple เข้าสู่ยุค Spatial Computer ตัวการเปิดตัว Apple Vision Pro แว่นสำหรับใช้งาน Mixed Reality ที่คาดหมายว่าจะเข้ามาเปลี่ย

เมื่อ Apple เปิดตัว Apple Vision Pro อุปกรณ์ที่เรียกได้ว่า เป็นการเปิดตัวเอง เข้าสู่ยุคสมัยของ Spatial Computing และ Metaverse อย่างจริงจัง

"One more thing" ... ประโยคคลาสสิคของ Apple Event ที่สืบทอดจาก Steve Jobs อดีตผู้ก่อตั้ง มาถึง Tim Cook ซีอีโอคนปัจจุบัน ได้สร้างความว้าวให้กับแฟน Apple ได้อีกครั้ง   หลังจากทำแฟนๆง่วงอยู่หลายปี 55

นักวิเคราะห์ นักพัฒนาหลายคนคงลุ้นในใจว่า เอาแล้วไง ต้องมี AI ตัวใหม่มาแทน Siri แน่ๆ

ป่าวครับ

Apple เปิดตัว Apple Vision Pro อุปกรณ์ Headset สำหรับใช้งาน Mixed Reality แทน เรียกว่าตามข่าวลือก่อนหน้านี้ ซึ่งมันก็ลีือแบบนี้ทุกปี จนในที่สุด ก็มาจริงๆ

แม้ไม่ได้ใช้ชื่อ Apple Glasses และไม่ได้เป็นรูปทรงแบบแว่นตาปกติที่เราคาดหวังก็ตาม (อยากได้แบบ Ray-Ban เก๋ๆ เหมือนกัปตัน Maverick จาก Top Gun🤣 )

Apple Vision Pro เมื่อสวมใส่แล้ว จะทำให้เราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของ Mixed Reality ที่หลอมรวมกันระหว่าง Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR)

เห็นตอนแรกสุด รู้สึกเฉยๆครับ แต่พอเริ่มเล่าเรื่องเท่านั้นแหละ คือ ว้าวเลย เล่าเรื่องได้ดีและเห็นภาพมาก

ขอแยกความเจ๋งออกเป็น 3 ส่วน คือ

1. ฮาร์ดแวร์

2. ซอฟทแวร์หรือแพลตฟอร์ม

3. คอนเทนต์

เริ่มที่ฮาร์ดแวร์ก่อน

จัดเต็ม สเป็คแรงเท่าคอมพิวเตอร์ มี sensor อยู่ในแว่นเยอะมาก รูปร่างหน้าตาสวยงาม ผมว่าสวยกว่าแว่นตา VR ของทุกค่ายที่เคยมีมา และดูจาก Head Band สายรัดหัว น่าจะใส่สบายมาก

แต่มันก็ยังดูแปลกไปนิด เวลาเราต้องใส่ออกไปข้างนอก เพราะยังใหญ่เทอะทะอยู่ ต้องเสียบแบตเตอรี่หน้าตาคล้ายพาวเวอร์แบงค์ ในการใช้งานข้างนอก

ตัวอย่างคุณสมบัติของมัน

  • Sensor เพียบ เช่น LiDAR Scanner, TrueDepth Camera

  • สแกนม่านตา OpticID

  • ใช้ชิปตัวใหม่ชื่อ R1 (สำหรับประมวลผลการทำงานแบบเรียลไทม์โดยเฉพาะ) พร้อมขุมพลังตัวแรง M2 สองตัวนี้ฝังอยู่ในแว่นเลย

  • จอสองตาแบบ 23 ล้านพิกเซล ใช้เทคโนโลยี Micro OLED มาทำ ตาแต่ละข้างดูหนังได้ที่ความละเอียด 4k
  • รองรับ True Color, HDR และ 3D
  • มีแบตเตอรี่เสียบ ใช้งานได้ราว 2 ชม.
  • ปรับภาพและเสียง ความโปร่งใส ด้วย digital crown (แบบเดียวกับบน Apple Watch)
  • ระบบเสียงรอบทิศทางของ Apple เรียกว่า Spatial Audio

Vision Pro ถือว่าเป็น Spatial Computer ตัวแรกของ Apple เลยก็ว่าได้

แต่ด้วยราคา 3,499 ดอลลาร์ (ราวๆ 120,000 บาท)

ผมมองว่าเปิดตัวครั้งแรก อาจต้องการดึงนักพัฒนามาร่วมวงให้ได้เยอะๆก่อน ลองปรับจูนแว่นจากฟีดแบคต่างๆ รวมถึงกำลังการผลิตที่อาจจะยังไม่ได้มาก

แล้วรุ่นต่อไป ปรับปรุงความสามารถ ทำราคาให้น่ารักกว่านี้ มีกำลังการผลิตที่สูงขึ้น ก็ขายให้กลุ่มใหญ่ขึ้นได้

ดีกว่าทำแว่นขายดี แต่ไม่มีแอป ไม่มีคอนเทนต์รองรับเลย ก็ไร้ประโยชน์

ถ้าไม่แมส ก็ยากจะเปลี่ยนแปลงโลก แต่ก่อนจะ perfect พร้อมสำหรับแมส คงไม่ใช่ตั้งแต่รุ่นแรกที่เปิดตัว

ซอฟท์แวร์หรือแพลตฟอร์ม

ระบบปฏิบัติการเฉพาะที่ใช้กับเจ้าแว่นตัวนี้ เรียกว่า VisionOS

VisionOS หมือนกับการเอาองค์ประกอบสำคัญใน OS ต่างๆที่ Apple มีใส่เข้าไป แล้วปรับให้เหมาะกับการใช้งานด้วยแว่น

สิ่งที่น่าสนใจ คือ การควบคุมต่างๆ ที่ Apple เป็นผู้นำในการสร้างนวัตกรรมมาโดยตลอด จนกลายเป็นมาตรฐาน ไล่มาตั้งแต่การควบคุมเคอร์เซอร์บนจอด้วยเมาส์ การควบคุมหน้าจอโทรศัพท์ด้วยนิ้วมือ

มาถึงยุคแว่น Apple Vision Pro

เมื่อเราสวมใส่และเข้าสู่โลก Mixed Reality แล้ว การควบคุมทุกสิ่งที่อยู่ในโลกนั้น จะใช้ ตามอง มือจับ ขยับ และสั่งงานด้วยเสียงรวมกัน (กล่าวโดยสรุป คือ ใช้ ตา มือ เสียง ควบคุมโลกในแว่น)

โลก Mixed Reality ใน VisionOS นี่ทำให้ Horizon Worlds ของ Meta ดูกลายเป็นของเด็กเล่นไปเลย

เราได้มีปฏิสัมพันธ์กับคน สิ่งของ คอนเทนท์ ที่อยู่ตรงหน้า ไม่ต้องจำลองตัวเองเป็นการ์ตูนไปเดินใน Metaverse แล้ว

ตรงนี้เป็นจุดเด่นที่ Apple มองว่า แบบนี้ต่างหาก คือ สิ่งที่คนต้องการ (อาจจะเป้นการนิยาม Metaverse ในแบบฉบับของ Apple เอง)

เดี๋ยวแอปต่างๆคงมาอีกเพียบ มีปูทางเรื่องเกมบน MacOS มาเพิ่มแล้วด้วย

คอนเทนท์

Apple เลือกเปิดตัว จับมือกับ Walt Disney ผู้สร้างคอนเทนต์อันดับ 1 ของโลก ซึ่งเป็นพันธมิตรที่คุ้นเคยกันมายาวนาน

ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญและน่าจับตามาก ของทั้งคู่

เราสามารถเข้าไป interact กับคอนเทนท์ของ Disney ได้ เช่น เล่นกับ มิกกี้เมาส์ ตัวการ์ตูนต่างๆ หรือพวก Super Hero ในหนัง Avengers , Starwars

เราจะมีประสบการณ์แบบใหม่กับการบริโภคคอนเทนต์นอกจากการแค่ดูหนังหรือซีรีส์

ในอดีต ก็มีคนพยายามทำแบบนี้มาก่อน แต่กำลังไม่ถึง แต่ครั้งนี้มาทั้งองคาพยพเลย น่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลง

ยังมีประสบการณ์ดูกีฬาและเล่นเกมส์แบบ Immersive ด้วย ดูบอล ต่อยมวย เทนนิส อะไรพวกนี้ มันน่าตื่นเต้นมากกกก

สิ่งที่จะทำให้โลกเปลี่ยนไป

ด้วยฮาร์ดแวร์เจ๋งๆ + แพลตฟอร์มแข็งแรง ที่พร้อมสร้างสรรค์แอปมาต่อยอดตามแต่เราจะจินตนาการได้ ตามแต่ที่ Apple จะสนับสนุน + คอนเทนต์ระดับท้อป น่าจะส่งผลกระทบกับอนาคตหลายอย่าง

1. ธุรกิจโรงหนัง

จากประสบการณ์ของ Apple Vision Pro จะทำให้การดูหนังอยู่ในเลเวลเดียวกับดูในโรง แภมยังอยู่ติดตัวกับเราไปในทุกที่ได้ด้วย

จะอยู่บ้าน นั่งร้านกาแฟ อยู่บนเครื่องบิน ก็จะได้ประสบการณ์ดูหนังในโรง

สามารถขยายจอเป็นแบบ Panorama ขนาด 100 ฟุต ได้เลย พร้อมระบบเสียง Spatial audio รอบทิศทาง (อ่านไม่ผิดครับ 100 ฟุต ไม่ใช่ 100 นิ้ว มันคือขนาดจอในโรงหนัง ไม่ใช่จอทีวี)

ดูหนังแบบ 3D ก็ได้ เพราะความสามารถของแว่นมันถึง

Theater & Movies Experience is everywhere ของจริง เหมือนยกโรงหนังติดตัวไปได้เลย

2. การทำงานแบบ Remote และไม่ Remote

Vision Pro ช่วยสร้าง Workspace ได้ทุกที่

เราสามารถเลือกโหมดปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการทำงานได้ แม้จะอยู่ริมทะเลหรือบนภูเขา

ทำงานแบบรีโมท น่าจะดีขึ้นมาก หรือกระทั่งอยากเปลี่ยน environment ที่ออฟฟิศ ก็ทำได้

3. สร้างการเติบโตใหม่ๆให้ผู้ผลิตคอนเทนต์

สำหรับธุรกิจ Video Streaming ที่ดูจะตันๆ เหมือนมาถึงจุดอิ่มตัว กลายเป็นมีกราฟแบบ S-Curve ต่อไปได้อีก เพราะน่าจะมีรูปแบบคอนเทนต์ใหม่ๆจากผู้สร้างคอนเทนต์ เกิดขึ้นอีกเยอะเลย

ไม่ว่าจะเป็นหนัง ซีรีส์ เกมส์ กีฬา

4. การเล่นเกม แบบ Immersive อาจจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่

อาจจะมีร้านเกมแบบ Immersive ในอนาคต ที่ไม่ใช่ร้านเกมแบบเดิมๆ แต่จะเป็นสถานที่อะไรก็ได้ มีแว่นให้เช่าก็พอ

5. การดูถ่ายทอดสดกีฬา

ดูบอล ดูมวย แบบใกล้ชิด น่าจะมีการเพิ่มกล้องวิดีโอที่ถ่ายทอดสดแบบ Immersive เข้าไปอีก

จ่ายราคาเพิ่มขึ้นไป เป็น Business Model ใหม่ของผู้ให้บริการคอนเทนต์

6. ทุกคนสามารถมี Jarvis แบบ Tony Stark เป็นของตัวเองได้

(ถ้ามีเงินซื้อ55)

ด้วยรูปแบบการควบคุมและ user interface ที่เราเห็น ก็ใกล้เคียงครับ ยังมีสิ่งที่ Apple ยังไม่ปล่อยออกมา แต่คิดว่ามีแน่ คือ AI ตัวใหม่

7. คืนชีพ Metaverse

แว่นนี้เรียกว่าคืนชีพให้โลก Metaverse ที่เกือบจะตายไปแล้ว ให้กลับมาได้อีกครั้งเลยก็ว่าได้

รอให้ราคามันถูกลงกว่านี้ในระดับที่คนทั่วไปซื้อหามาใช้ได้

ทั้งหมดน่าจะเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลกนับจากนี้

ผมไม่ได้ว้าวด้วยความรู้สึกแบบเปิดตัว iPhone & iPad ครั้งแรกมานานแล้ว

นี่เป็นคีย์โน้ตที่ดีที่สุดเลย นับตั้งแต่ Tim Cook ขึ้นเป็นผู้นำลัทธิ Apple

ปล. ผมเป็นสาวก Apple อาจจะมี bias นะครับ เป็นความเห็นที่อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ 🤣

โฆษณา Apple Vision Pro จาก

Great! You’ve successfully signed up.
Welcome back! You've successfully signed in.
You've successfully subscribed to Business Decode.
Your link has expired.
Success! Check your email for magic link to sign-in.
Success! Your billing info has been updated.
Your billing was not updated.